บริเวณที่พบ : หอประชุม 2, สวนป่า
ลักษณะพิเศษของพืช : ไม้ดอกประดับ
ลักษณะทั่วไป : ไม้ต้นชนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปทรงไม่แน่นอน แตกกิ่งก้านแผ่กว้าง
ต้น : ไม้สูงถึง 10 เมตร
ใบ : ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปค่อนข้างกลม กว้าง 8-16 เซนติเมตร ยาว 10-14 เซนติเมตร ปลายใบเว้าลึกโคนใบมนหรือเว้า
คล้ายรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ
ดอก : สีชมพูม่วงถึงสีม่วงสด มีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะเชิงประกอบตามซอกใบและปลายกิ่ง
กลีบดอก 5 กลีบ รูปไข่กลับ ยาว 3-8 เซนติเมตร ปลายมน โคนคอดเรียว ดอกบานเต็มที่กว้าง8-15 เซนติเมตร
ผล : ฝักยาว 20 25 เซนติเมตร เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก
เมล็ด : เมล็ดกลม มี 10 เมล็ด ในหนึ่งผลในตามธรรมชาติพบขึ้นอยู่ตามป่าเบญจพรรณ ปัจจุบันนำมาปลูกริมทาง
และสถานที่ราชการ สามารถขึ้นได้ดี การเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง
ประโยชน์ :
ใบ ต้มกินรักษาอาการไอ
ดอก เป็นยาระบายขับพิษไข้
ราก ต้มกินเป็นยาระบาย
ข้อมูลจากภูมิปัญญาไทย : ดอกและแก่นมีสรรพคุณแก้โรคบิด ใบมีสรรพคุณขับปัสสาวะใบอ่อนของผักเสี้ยว
เป็นผักที่ชาวเหนือนิยมรับประทาน